บอร์ด ความรัก,ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นquotผู้มีอิทธิพลของโลก ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย ไก่อ้วน   ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงญี่ปุ่นคนแรก ที่ได้รับเลือกเป็น"100 ผู้มีอิทธิพลของโลก" จัดอันดับโดย Times หญิงสาวญี่ปุ่นผู้สอนศาสตร์แห่งการจัดระเบียบไปทั่วโลก.จากสาวออฟฟิศธรรมดาๆ เมื่อ5ปีก่อน สู่ผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพลร้อยคนของโลก "ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แต่ต้องกล้าฝันและลงมือทำ".โดยปกติแล้ว ถ้าในประเทศญี่ปุ่นเองคนที่ได้รับเลือกเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกจาก Times แต่ก่อนมีแต่คนสำคัญของประเทศเช่น คุณ Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คุณ Miyazaki Hayao ผู้่ก่อตั้งและเจ้าของสตูดิโอจิบลิ การ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังที่สร้างความฝันให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จนดังไปทั่วโลก สำหรับฝรั่งและคนประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเลือกก็เช่น บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สตีฟ จ็อบส์ ผู้เปลี่ยนวงการไอทีด้วยไอโฟน ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกทั้งนั้น.ทำไมสาวน้อยหน้าตาน่ารักอย่างเธอ ถึงได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของโลกคุณสงสัยมั้ยครับ? .กว่าจะมาถึงจุดนี้ เรื่องราวชีวิตของเธอค่อนข้างน่าสนใจค่อยๆ ติดตามกันไปนะครับ .คีย์เวิร์ดของความสำเร็จของเธอคือ "หลงรักจับใจในศาสตร์ของการจัดระเบียบและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ลงมือทำ".Kondo Marie (คอนโดะ มาริเอะ) (ต่อไปนี้ผมจะเรียกเธอว่า คอนมาริ) เริ่มสนใจเรื่องการจัดระเบียบ ตั้งแต่วัยอนุบาลตอนที่เธอยังมีอายุเพียง 5 ขวบ เธอรู้สึกตื่นเต้น และเฝ้ารอที่จะอ่านนิตยสารเล่มนึงที่จะถูกส่งมาที่บ้านในทุกๆสัปดาห์แล้วคอลัมน์ที่เธอเปิดอ่านเป็นประจำคือคอลัมน์ "วิธีจัดระเบียบบ้าน"แม้ยังอ่านตัวอักษรใดๆ ไม่ออกก็ตาม.เธอได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการจัดระเบียบบ้านอย่างจริงจังอีกครั้งหลังจากได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งที่วางขายในตลาดชื่อว่า "เทคนิคแห่งการทิ้ง 捨てる技術" ตอนเธออยู่ชั้นมัธยมต้น.หนังสือเล่มนี้ได้จุดประกายความหลงใหลในเรื่องการจัดระเบียบบ้านในตัวเธออีกครั้งตั้งแต่นั้นมาเธอเริ่มกว้านหาหนังสือและค้นคว้าทุกแหล่งความรู้เรื่องการจัดระเบียบที่มีในญี่ปุ่นทั้งหมดไม่มีหนังสือเล่มไหนพ้นสายตาเธอไปได้ และที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้นคือ …ทุกวันเธอ ลงมือปฏิบัติจริงๆ จังๆ กับการจัดระเบียบเริ่มจากห้องของเธอเอง ตามด้วยห้องพี่ชาย ห้องน้องสาว ห้องต่างๆ ในบ้าน เช่นห้องครัว ห้องน้ำ ห้องของเพื่อนสนิท ห้องเรียนที่โรงเรียน ทุกลมหายใจของเธอคือความสุขจากการได้จัดระเบียบสิ่งรอบตัว.ตอนแรกเธอก็ไล่ทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็นทั้งของตัวเองและของครอบครัวไปหมดทิ้งทุกอย่างที่ขวางหน้ารวมถึงของๆ คนอื่นด้วย จนพ่อแม่ต้องออกคำสั่งห้าม "ไม่ให้จัดระเบียบบ้าน" อีก.จนวันนึงก็คิดได้ว่าพื้นฐานของการจัดระเบียบที่ดี "ไม่ใช่การทิ้ง แต่ให้พิจารณาเลือกสิ่งของที่เราอยากเก็บให้อยู่กับเราต่อไป อันไหนที่ไม่ได้ใช่ค่อยทิ้ง".ตอนที่เธออยู่ ม.ปลายเธอก็มีโอกาสได้ทำงานพิเศษเป็น "มิโกะ" หรือสาวผู้ทำงานเป็นสื่อกลางให้พระเจ้าที่ศาลเจ้าทำให้เธอก็ได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งการขอบคุณต่อสิ่งของเพราะสิ่งของที่คนเอามาไหว้นั้นเราจะมองว่าเค้ามีชีวิต คอนมาริก็เลยนำความรู้สึก "ปรารถนาดีและขอบคุณต่อสิ่งของ" นี้มาใช้ในการจัดระเบียบบ้านด้วย นั่นทำให้เราสามารถทิ้งสิ่งของได้ง่ายขึ้น เพราะเราสามารถลาขาดจากสิ่งของนั้นๆได้ ด้วยการรู้คุณค่าของมัน และกล่าวขอบคุณที่ของชิ้นนั้นสร้างประโยชน์ให้เรามา.เธอเริ่มเป็นที่ปรึกษาในเรื่องการจัดระเบียบตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยและก็เขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน.เรืยกว่า หลงใหลจับใจอย่างที่ตัวเธอเองบอกกับคนหลายๆคนว่า จะเรียกเธอว่า "ผู้คลั่งใคล้การจัดระเบียบ" ก็ได้.เมื่อจบมหาวิทยาลัยเธอได้เข้าทำงานในบริษัทจัดจ้างหางานระหว่างทำงานเธอก็ได้มีโอกาสจัดระเบียบโต๊ะทำงานให้ลูกค้าโดยเธอเสนอทำให้ฟรี เพราะใจรัก จนกลายเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกค้าทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากสาวออฟฟิศมาเป็นที่ปรึกษาการจัดระเบียบบ้านเพื่อที่จะได้ทำงานที่รักอย่างเต็มตัว .ช่วงที่ลาออกมาจากบริษัทแรกๆ พยายามเปิดคอร์สสอนจัดระเบียบบ้านแทบไม่มีคนสนใจศาสตร์แห่งการจัดระเบียบเลยครับ ...คอร์สแรกที่เปิดสอนก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นแต่สิ่งที่เปลี่ยนเธอไปตลอดกาลคือ คำๆ หนึ่งที่เธอนึกได้ระหว่างที่ให้คำปรึกษากับลูกค้าอยู่คือคำว่า "Tokimeku" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Spark Joyคำนี้ใช้เพื่อพิจารณาว่าของสิ่งนั้นๆทำให้เรามีความสุขหรือประทับใจอยู่หรือไม่.นี่คือคำที่สร้างทัศนคติบวกเกี่ยวกับการจัดระเบียบสิ่งของเปลี่ยนความคิดเดิมๆ ว่า "จะทิ้งอะไรดี" เป็น "อยากอยู่กับของชิ้นไหนไปตลอด".แล้วคำนี้ก็ได้ผลครับ คอนมาริเริ่มเขียนหนังสือซึ่งมาจากคำแนะนำของลูกค้า ว่าอยากอ่านเทคนิคการจัดระเบียบของคอนมารีในรูปแบบหนังสือแล้วหนังสือเล่มนั้นก็กลายเป็นหนังสือ Bestseller ขายได้ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์เพราะวิธีคิด และ Howto เรื่องการจัดระเบียบของเธอ ที่สามารถเอาหลักในหนังสือไปใช้ได้ทันที เห็นผลจริง .ด้วยความร่วมมือและคำแนะนำของสำนักพิมพ์ หนังสือของเธอได้กลายเป็นเครื่องมือติดบ้านของทุกครอบครัว หนังสือของเธอได้รับการแนะนำออกรายการทีวีฮิตขนาดขายได้เป็นแสนเล่มภายใน 1 เดือน ได้รับการแปลและพิมพ์ขายหลายประเทศทั่วโลก เช่น ไต้หวัน เกาหลี จีน เยอรมัน ฯลฯ..ติดอันดับต้นๆ Bestseller ของแต่ละประเทศ ..จนเธอได้รับเลือกให้ตีพิมพ์ที่อเมริกาเป็นเล่มแรกของหนังสือในหมวด How-to สำหรับชีวิตประจำวัน..หนังสือพิมพ์ The New York Times เอาไปเขียนเป็นข่าวใหญ่โตจนฮิตไปทั่วประเทศ ขายได้ถึง 780,000 เล่มด้วยเวลาครึ่งปีในอเมริกา ..สำนักงานข่าวAP ลงข่าวไปทั่วโลก ...หนังสือของเธอได้เปลี่ยนพฤติกรรมการจัดระเบียบบ้านของคนเป็นจำนวนมากจนคนยกย่องว่าเธอคือผู้มีอิทธิพลต่อชีวิตของพวกเค้าคนนึง.ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ระหว่างที่ได้ดูรายการ ผมน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ผมเรียบเรียงเรื่องนี้ผมได้สัมผัสถึงความพยายามของผู้หญิงคนนึงที่หลงใหลคลั่งใคล้ในสิ่งที่ทำอยู่ และพยายามกระจายความรู้ที่มีไปถึงคนให้มากที่สุดขนาดตอนเธอได้รับเชิญไปพูดที่ Google เธอยังพยายามใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับคนฟังเลย เรียกได้ว่า จากใจถึงใจ .ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะรู้สึกว่า"ความหลงใหล" ในสิ่งที่รัก และลงมือทำ น่าจะเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จใช่ครับ..เพียงแต่ว่าตอนนี้คุณเจอสิ่งที่หลงใหล แล้วลงมือทำอย่างจริงจังหรือยัง? ถ้ายัง..รีบตามหา แล้วลงมือทำ ผมเป็นกำลังใจให้เช่นเคยครับJapanSalarymanแหล่งที่มา