พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป สำนักงานสลากฯ จะเปิดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก หรือ L6 แบบดิจิทัลเป็นครั้งแรก จำนวน 21 ล้านใบ เพื่อตรวจรางวัลในงวดวันที่ 1 ต.ค. 66 ซึ่งเมื่อรวมกับแอล 6 แบบใบหรือลอตเตอรี่ปกติ จำนวน 80 ล้านใบ ก็จะทำให้มีสลากฯ 6 หลัก จำหน่ายรวมทั้งสิ้น 101 ล้านใบ โดยผู้ที่ถูกรางวัลแอล 6 แบบดิจิทัล สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ 3 ช่องทาง คือ การโอนเงินผ่านแอปเป๋าตังที่สามารถโอนผ่านไปยังแบงก์ต่าง ๆ ได้ หรือโอนผ่านธนาคารกรุงไทย หรือมาขึ้นเงินที่สำนักงานสลากฯ เพียงใช้บัตรประชาชน

ทั้งนี้ ผู้ถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินรางวัลได้ทุกรางวัลรวมถึงรางวัลที่ 1 แบบทันที หรือสามารถถือครองไว้ได้นานถึง 2 ปี ก่อนมาขอขึ้นรางวัลก็ได้ เช่นเดียวกับสลากแบบใบ ซึ่งรูปแบบของแอล6 แบบดิจิทัลนั้นจะไม่มีใบสลากอีกต่อไป เพราะเป็นการจำหน่ายผ่านระบบดิจิทัลซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่แม้ซื้อผ่านช่องทางแอปเป๋าตังแต่ยังมีใบสลาก เพราะเป็นการนำสลากใบมาสแกนใส่ระบบ โดยประชาชนยังสามารถซื้อผ่านแอปฯเป๋าตัง ได้เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่รูปแบบสลากจะกำหนดไว้ชัดเจนว่าเป็นสลากแอล6 แบบดิจิทัล ซึ่งในการออกรางวัลงวดวันที่ 16 ก.ย. นี้ สำนักงานสลากฯ จะนำเสนอรูปแบบให้ประชาชนรับทราบอีกครั้ง

นอกจากนี้คณะกรรมการสลากฯ ได้เห็นชอบแล้วว่าภายในสิ้นปี 66 นี้จะต้องมีสลากแอล6 ทั้งแบบใบและแบบดิจิทัล จำหน่ายรวมกันไม่เกิน 110 ล้านบาท โดยแยกเป็นแอล6 แบบใบ 80 ล้านใบ และแบบดิจิทัลไม่เกิน 30 ล้านใบ ขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการ โดยจะพิจารณาว่าสามารถเพิ่มให้ถึง 30 ล้านใบได้หรือไม่ ซึ่งในแต่ละงวดจะเพิ่มไม่เกิน 1-2 ล้านใบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อแต่สูงสุดต่องวดต้องเพิ่มไม่เกิน 2 ล้านใบ

ขณะที่สลากแบบใบยังคงจำกัดจำนวนไว้ที่งวดละ 80 ล้านใบเท่านั้น โดยคณะกรรมการสลากฯ เห็นแล้วว่าสลากแบบดิจิทัลนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาได้ และประชาชนสามารถตอบรับสลากแบบดิจิทัลได้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันสามารถขายได้หมดก่อนการออกรางวัล 2 วัน แสดงว่าความต้องการสลากดิจิทัลยังคงมีอยู่

พ.ท.หนุน กล่าวอีกว่า การเพิ่มจำนวนสลากแบบดิจิทัลในแต่ละงวดจะเพิ่มแบบครบชุด หากเพิ่มจนครบ 30 ชุดหรือ 30 ล้านใบ นั่นหมายความว่าจะมีรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ใบ หากโชคดีถูกรางวัลที่ 1 ทั้ง 30 ใบก็ได้รับเงินรางวัล 180 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผู้โชคดีซื้อสลากผ่านแอปเป๋าตังและถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 20 ใบได้รับเงินรางวัลมา 120 ล้านบาทมาแล้ว โดยทั้งหมดเป็นการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ได้มีการโฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างใด

สำหรับจำนวนสลากแอล6 แบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านใบนี้ จะเปิดให้ผู้ขายที่ได้ลงทะเบียนและถูกคัดเลือกไว้ก่อนหน้านี้จากการเปิดรับสมัครคนขายรอบแรกจำนวน 70,000 ราย และปัจจุบันยังเหลืออีก 17,000 ราย เป็นผู้ขายสลากแอล 6 แบบดิจิทัล ขณะเดียวกัน สำนักงานสลากฯได้เปิดรับสมัครเพื่อสำรวจความต้องการผู้ที่ต้องการจำหน่ายสลากแบบดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ต้องการขายกว่า 15,000 ราย และมีอีกกว่า 30 องค์กร ที่แสดงความประสงค์เข้ามาแล้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำมาประมวลผลเพื่อพิจารณาในปีหน้าเพื่อจัดสรรให้กลุ่มผู้เปราะบางได้มีอาชีพต่อไป

ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก หรือเอ็น 3 ที่มีโอกาสถูกรางวัล 4 รางวัล คือ สามตัวตรง สามตัวสลับหรือสามตัวโต๊ด สองตัวตรงและรางวัลพิเศษหรือรางวัลแจ๊กพอต นั้นอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดปลีกย่อย คาดว่าภายในเดือน มี.ค. 67 จะสามารถสรุปรายละเอียดทั้งหมดได้ทั้งเรื่องของราคา การจัดจำหน่าย และอื่น ๆ เพื่อให้สามารถขายได้ภายในเดือน ก.ย. 67 ตามที่ ครม. ได้อนุมัติไว้ โดยคณะกรรมการสลากฯ ต้องการส่งเสริมให้กลุ่มเปราะบางมีอาชีพอย่างแท้จริง ซึ่งต้องมีรายได้เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ 15,000 บาท จากปัจจุบันที่ได้รับโควตาสลากแบบใบคนละ 5 เล่ม ซึ่งมีรายได้เพียง 9,800 บาท ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่ขายสลากในปัจจุบันจะได้รับการจัดสรรให้ขายเอ็น 3 ด้วย เพื่อให้มีรายได้เทียบเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ขณะเดียวกันสำนักงานสลากฯ ยังได้เซ็นเอ็มโอยูกับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอชคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. เพื่อส่งเสริมให้คนขายสลากวางแผนออมเงินสร้างเงินบำนาญด้วยตัวเองจากการเป็นสมาชิกและออมเงินกับกอช.พร้อมรับเงินสมทบจากรัฐสูงสุด 100% ตามช่วงอายุไม่เกิน 1,200 บาทต่อปีอีกด้วย หากผู้ขายสลากกันเงินที่ได้จากการขายเอ็น3 เพียงงวดละ 25-50 สตางค์ต่อการขาย 1 ครั้ง หากขายได้ 1,000 ครั้ง ก็เท่ากับว่ามีเงินออมแล้วเดือนละ 500-1,000 บาท เมื่อออมจนครบอายุ 60 ปี ภาครัฐก็จะสมทบให้ด้วยเพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณอีกด้วย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สลาก3 หลัก หรือเอ็น3 ถือเป็นคนละตลาดกับสลาก 6 หลักอย่างชัดเจน แต่จะช่วยดึงเงินจากหวยใต้ดิน สลากเพื่อนบ้าน และการพนันออนไลน์บางชนิด ให้เข้าสู่ระบบอย่างชัดเจนได้ โดยผลการศึกษาล่าสุดพบว่า จำนวนเงินจากหวยใต้ดิน สลากเพื่อนบ้าน และการพนันออนไลน์บางชนิดมีมากถึงปีละ 1.5 แสนล้านบาท-4 แสนล้านบาทต่อปี หากมีสลากเอ็น3 ก็จะช่วยดึงเงินเข้ามาสู่ระบบได้ประมาณ 10-20% เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่มีการขายสลาก แบบ 2 ตัว 3 ตัว หรือประมาณปีละ 10,000-20,000 ล้านบาท หรืองวดละ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยที่ไม่ได้มีการแย่งตลาดของสลากแอล6 ออกไปแต่อย่างใด.

By admin